เจ้าของร้านค้านี้ ไม่ได้เข้าสู่ระบบเป็นระยะเวลา 36 วัน แล้ว
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า

สูตรใหม่สาววัย50-60ปีในญี่ปุ่นนิยมกันมากที่สุด!!!!Fancl Good Choice For 50's WOMAN อาหารเสริมบำรุงผิวที่เหมาะที่สุดของผู้หญิงในช่วงอายุ 50-60ปีที่ตอบสนองความต้องการในช่วงวัยที่ต้องการแร่ธาตุและอาหารของผิวช่วยปัญหาวัยทองได้ดีอีกด้วยค่ะ

 Fancl Good Choice For 50's WOMAN  บำรุงผู้หญิงในช่วงวัย 50 - 60 ปี ตามช่วงอายุที่ผูหญิงต้องการคุณประโยชน์ของสารอาหารมีดังนี้

 

50


 บำรุงดวงตาให้ไม่เสื่อมและบำรุงร่างกายจากการใช้ร่างกายไม่ให้เหนื่อยในระหว่างวัน

 

Blueberry

บลูเบอร์รีนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ที่มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในระดับสูงมาก ที่สำคัญคือบลูเบอร์รีสดยังเป็นผลไม้ที่ติด 1 ใน 10 ของผักผลไม้ที่มีค่าโอแร็ก (ORAC : Oxygen Radical Absorbance Capacity) สูงสุด ซึ่งค่าดังกล่าวเป็นหน่วยวัดความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ เพราะใรบลูเบอร์รีนั้นมีวิตามินเอ ซี และอี ที่ช่วยบำรุงผิว บำรุงผม และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน มีแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งที่ทำให้บลูเบอร์รีมีสีน้ำเงินเข็มหรือม่วง เป็นประโยชน์ต่อระบบการไหลเวียนโลหิต และช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ในร่างกายที่มีสาเหตุจากอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี การกินบลูเบอร์รีเป็นประจำจึงช่วยลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และลดโอกาสเกิดโรคความจำเสื่อมอย่างอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) ได้ นักวจัยในสหรัฐอเมริกา ได้นำเสนอรายงานการค้นพบสารเทโรสทิลบีน (Pterostilbene) ที่มีฤทธิ์ลดระดับคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยทีมวิจัยระบุว่า สารดังกล่าวใช้ได้ผลดีพอ ๆ กับยาลดคอเลสเตอรอลชนิดหนึ่ง แต่ให้ผลแม่นยำกว่าและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า

บลูเบอร์รีมีเพกตินซึ่งเป็นเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำ จึงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและยับยั้งการดูดซึมสารพิษเข้าสู่ร่างกาย มีกรดเอลลาจิก ที่อาจช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งและการเจริญของเซลล์เนื้องอก และที่พิเศษสำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะก็คือ บลูเบอร์รีช่วยป้องกันโรคที่มักเกิดในผู้หญิง อย่างโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เพราะมีสารช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียภายในระบบทางเดินปัสสาวะ ด้วยประโยชน์มากมายของบลูเบอร์รี จึงทำให้ใครหลายคนหันมาสนใจผลไม้ชนิดนี้มากขึ้น บอกได้เต็มปากว่าคุ้มค่าเกินราคาและสมแล้วที่เป็นผลไม้ที่ชาวยุโรปนิยมกินกัน

 

 

lutein

ลูทีน(Lutein) เป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ มีสีเหลืองสามารถต้านฟรีแรติคัล มีประดยชน์ อนัดดดเดน่ คอื การปกป้องตวัตาและบารุงสายตา ชว่ ยชลอความเส่อืมของดวงตาใหช้า้ลง ถ้าพูดถึงคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง ลูทีนจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดมะเร็ง ลาไส้และมะเร็งเต้านมได้ค่ะ เราจะหาลูทีนในอาหารได้จากผักสีเขียว ส้ม กีวี องุ่น ผักโขม ฯลฯ - สารลูทีน (Lutein) คืออะไร สารลูทีน (Lutein) เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ จัดอยู่ในกลุ่มสารที่มีสี ในตระกูลแคโรทีนอยด์ เป็นสารที่พบบริเวณตา ลูทีนเป็นแคโรทีนอยด์สีเหลือง ซึ่งมีส่วนอย่างมาก ในการต่อต้านสาร ต้านอนุมูลอิสระ ลูทีนพบได้ทั่วไปในผักใบเขียว ข้าวโพด และ ไข่แดง และมีส่วนสาคัญใน การบ ารุงสายตา โมเลกุลของลูทีนพบในปริมาณสูงในจุดของดวงตา โดยที่ ลูทีนจะฉาบบน ผิวของเรตินา (Retina) บริเวณจุดรับภาพของลูกตา (macula) ซึ่งเป็นต าแหน่งที่สาคัญที่สุด ในจอประสาทตา เพราะเป็นจุดที่รูปภาพและแสงสว่าง ส่วนมากจะมาตกบริเวณนี้ ซึ่งเป็น ส่วนที่จอตารับภาพได้ชัดเจนที่สุด ลูทีนจะช่วยในการดูดซับ แสงสีน้าเงินในแถบสีการมอง เหน็ และชว่ ยปกป้องการทา ลายของคลื่นสั้นที่มีต่อเยื่อบุผิวเรตินาจากการศึกษา พบว่า ระดับลูทีน 2.0 – 6.9 มลิลกิรมัต่อวนั จะชว่ ยป้องกันความเสื่อมของจุดด่างในดวงตา ดังนั้นพอจะพูดได้ว่า สารลูทีนจะช่วยสร้างสารต้านอนุมูลอิสระในการป้องกนัเยอ่ืแกว้ตา (retina)

หน้าที่ของ Lutein

1. Lutein ท าหน้าที่ช่วยให้มองภาพได้คมชัด และเห็นรายละเอียดของภาพดีขึ้น

2. Lutein มีรายงานถึงผลการวิจัยที่ชัดเจนมากมาย สามรถลดอุบัติการณ์ โรคต้อกระจกใน ผู้สูงอายุได้จริง

3. Lutein ลดความเสี่ยง ในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อม (Age - Related Macular Degeneration หรือ AMD)

4. Lutein ลดอุบัติการณ์โรคมะเร็งเต้านมในสตรี กลุ่มที่มีความเสี่ยง

5. Lutein ลดกลไกการเกิด Plague ในผนักเส้นเลือด ทำให้ลดอัตราการเป็นโรคหัวใจขาด เลือด และโรคหลอดเลือดตีบในสมอง

 

Astaxanthin

Astaxanthin แอสต้าแซนธิน คือสารแคโรทีนอยด์ที่พบมากในธรรมชาติ ซึ่งร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์สารชนิดนี้ได้เอง จำเป็นต้องได้รับสารชนิดนี้จากการทานอาหารเท่านั้น มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้นสูงที่สุดในโลก สกัดจากสาหร่ายทะเล ซึ่งมีส่วนประกอบของ สารแอสต้าแซนธินธรรมชาติ วิตามิน A , E และ ลูทีน มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ซุปเปอร์แอนติออกซิแดนท์

  • สูงกว่าวิตามินซี 6,000 เท่า 
  • สูงกว่าโคคิวเท็น CoQ10 800 เท่า 
  • สูงกว่าวิตามิน E ถึง 550 เท่า 
  • สูงกว่าสารกัดจากชาเขียว 550 เท่า 
  • สูงกว่ากรดลิโปอิก Alpha Lipoic Acid สูงกว่า 75 เท่า 
  • สูงกว่า เบต้าแคโรทีน 40 เท่า 

นัตโตะ (โปรตีนถั่วเหลือง)

 

 นัตโตะ(Natto)

นัตโตะ(Natto) หรือถั่วเน่าญี่ปุ่น ใช้จุลินทรีย์ที่คัดเลือกมาโดยเฉพาะ จึงทำให้ได้ถั่วเน่าที่มีคุณภาพสูง เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง และเป็นที่นิยมกันอย่างมากในด้านการดูแลสุขภาพ ชาวญี่ปุ่น ใช้นัตโตะ เป็นอาหารเช้ามาอย่างยาวนาน กว่า 1000 ปี โดยเกิดจากกระบวนการหมักอาหารที่ทำกันมายาวนาน นัตโตะไคเนส (Nattokinase) เป็นผลผลิต จากการหมักถั่วเหลือง โดยใช้ แบคทีเรียบาซิลลัสนัตโตะ

ถั่วเหลืองที่ผ่านการหมักโดยใช้ แบคทีเรียบาซิลลัสนัตโตะ ก่อให้เกิดไบโอเคมีหลากหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น การสลายลิ่มเลือดที่เป็นสาเหตุของเส้นเลือดอุดตัน การลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ต่อต้านแบคทีเรีย ยับยั้งกระบวนการออกซิเดชั่น ต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งแบคทีเรียไม่ดีในลำไส้ ต้านการเกิดมะเร็ง และปกป้องอาการสมองตาย เนื่องจากสมองขาดเลือด การเกิดลิ่มเลือดทำให้เส้นเลือดสมองอุดตัน ต่อต้านการเกิดโรคกระดูกพรุน และช่วยดูแลสุขภาพในด้านต่างๆ อีกมากมาย

ผลวิจัยทางการแพทย์เกี่ยวกับประโยชน์ของการบริโภคนัตโตะ (Natto) เริ่มปรากฏตั้งแต่ ในทศวรรษ 1980 ซึ่งพบว่า นัตโตะ (Natto) อุดมไปด้วยสารชีวภาพหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การหมักโดยใช้เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ นัตโตะ (Natto) มีความแตกต่าง จากอาหารถั่วเหลืองหมักชนิดอื่นๆ ซึ่งใช้เชื้อรา ตัวอย่างเช่น เต้าเจี้ยว เป็นต้น แน็ตโต้ ผลิตจากกระบวนการหมัก ซึ่งไม่เพียงแต่มีส่วนประกอบที่มีคุณค่าจากถั่วเหลือง แต่ยังมีคุณค่าในกระบวนการช่วยย่อย และการดูดซึม โปรตีนจากถั่วเหลือง

เอนไซม์นัตโตะไคเนส (Nattokinase) ในเบื้องต้นถูกสกัดจากถั่วเน่าญี่ปุ่น (Natto) ซึ่งเรียกว่า Subtilisin NAT ซึ่ง นัตโตะไคเนส เป็นเอนไซม์ กลุ่มเซรีนโปรติเอส (Serine Protease) ซึ่งจากการทดลองโดย Fujita et al. พบว่ามีความสามารถในการย่อย Fibrin สูง และในถั่วหมักแบบจีน ที่เรียกว่า Douchi พบเอนไซม์ Subtilism DFE ซึ่งมีความสามารถในการย่อย thrombi ได้ในร่างกายมนุษย์ หรือแม้กระทั่งถั่วเน่่าแบบพื้นเมืองของไทยก็มีคุณบัติเหล่านี้เช่นกัน จึงได้มีการนำนัตโตะหรือถั่วเน่าญี่ปุ่นมาผลิตและสกัดเอนไซม์กลุ่ม Fibrinolytic เพื่อใช้เป็นสารลดการตีบตันในเส้นเลือด และสามารถช่วยป้องกันอาการต่างๆ ของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด เส้นเลือดอุดตันได้เป็นอย่างดี และมีความปลอดภัยสูง

ในกระบวนการหมักนั้น Nattokin จะสร้างเอนไซม์โปรติเอส (Protease enzyme) ที่มีชื่อว่า Nattokinase ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอุบติการของการเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตันโดยออกฤทธิ์ สลายลิ่มเลือดที่เกาะตัวอยู่ภายในผนังของหลอดเลือด

หลังจากการดูดซึมผ่านกระเพาะอาหารเข้าสู่ร่างกายแล้ว นัตโตะไคเนส (Nattokinase) มีความคงตัวอยู่ในกระแสเลือด และออกฤทธิ์ได้ราว 12 ชั่วโมง ซึ่งนานพอที่จะป้องกันการเกิดลิ่มเลือดใหม่ภายในหลอดเลือดได้ ดังนั้น การบริโภคนัตโตะ (Natto) เป็นประจำเท่ากับเป็นการ ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือดและภาวะหัวใจวายได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

คุณประโยชน์ของนัตโตะไคเนส (Nattokinase)

ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด นัตโตะไคเนส ให้ผลในการป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ซี่งเป็นสาเหตุรากเหง้าของ อาการเส้นเลือดในสมอง ทำให้รอดพ้นจากโรคเส้นเลือดสมองแตก ความไม่สมดุลย์ระหว่างการก่อตัวและการย่อยสลายของลิ่มเลือด ส่งผลได้เกิดอาการเส้นเลือดสมองแตก อาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย อัลไซม์เมอร์ ลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ การอุดตันของเส้นเลือดแดงในปอด การปวดประจำเดือน ความดันโลหิตสูงได้

ลดคอเลสเตอรอล สารซาโปนิน และส่วนประกอบเส้นใยอาหาร ช่วยลดคอเลสเตอรอล และป้องกันการสะสมของไขมันในเส้นเลือด ช่วยสลายการอุดตันในเส้นเลือด ปรับความดันโลหิตสูง ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกยิ่งขึ้น

โรคที่เกิดในช่องท้อง และลำไส้ คนญี่ปุ่นในยุคโบราณ ไม่ว่าจะเป็นโรคบิด ไธฟอยด์ อาการท้องผูก จะแก้อาการดังกล่าวด้วยการบริโภคนัตโตะ (Natto) ซึ่งจะสามารถแก้อาการท้องผูก และท้องเสียได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันนัตโตะ ยังสามารถเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงานให้กับแบคทีเรียชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อลำไส้ได้เป็นอย่างดี แบคทีเรียบาซิลลัสนัตโตะ ยังช่วยสร้างความสมดุลย์ ของเชื้อแบคทีเรียชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อลำไส้ โดยใช้วิธีการยับยั้งการเจริญเติบโตแบคทีเรียที่ไม่ดีในลำไส้

บำรุงผิวพรรณ โพลีกลูตามิค แอซิด มีพบในนัตโตะ จะช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประสิทธิภาพของ โพลีกลูตามิค แอซิด จะมีความสามารถในการเก็บความชุ่มชื้นได้ถึง 5 พันเท่า ( 1 กรัมของ โพลกลูตามิค แอซิด จะสามารถ ห่อหุ้มโมเลกุลของน้ำได้ถึง 5 กิโลกรัม) สามารถช่วยรักษาสมดุลของปริมาณน้ำและน้ำมันภายใต้ชั้นผิวหนังทำให้ผิวคงสภาพความชุ่มชื้นได้อย่างต่อเนื่อง จึงช่วยให้สุขภาพผิวพรรณดี ช่วยบำรุงผิว คงความชุ่มชื่นให้กับผิว ช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ คงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณ

เพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ แบคทีเรียบาซิลลัสนัตโตะ มีส่วนประกอบ ของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ที่มีความแข็งแรงมากที่สุดที่ชื่อ แบคทีเรียบาซิลลัสนัตโตะ ที่ทนต่อน้ำย่อยในกระเพาะ ซึ่งมีอัตราการรอดมากถึง 90% เมื่อเทียบกับ แล็กติกแอซิดแบคทีเรีย ที่มีอัตราการรอดเพียง 1% จึงมีอัตราการรอดที่สูงกว่า แบคทีเรียแล็กติกแอซิด หลายเท่า และแบคทีเรียบาซิลลัสนัตโตะ มีความสามารถในการต่อสู้กับแบคทีเรียชนิดที่ทำให้เกิดโรคมากกว่า แบคทีเรียแล็กติกแอซิด ถึง 10 เท่า

กำจัดสารพิษ เนื่องด้วยแบคทีเรียบาซิลลัสนัตโตะ มีความสามารถในการต่อสู้กับแบคทีเรียชนิดที่ทำให้เกิดโรค จึงมีส่วนช่วยในเรื่องของกำจัดสารพิษตกค้างในลำไส้ จึงช่วยให้สุขภาพของระบบบำไส้ และระบบขับถ่ายมีสุขภาพที่ดี

ทั้งนี้ การทำงานของนัตโตะ ไม่มีผลกระทบต่อกระบวนการทำงานของลิ่มเลือด ในการช่วยให้เลือดหยุดไหลเมื่อเกิดบาดแผล แต่ในทางกลับกัน การมีลิ่มเลือดในปริมาณที่มากเกินไปมีผลต่อภาวะเส้นเลือดอุดตัน นัตโตะไคเนส จะช่วยปลดปล่อย พลาสมิโนเจนแอ็คติเวเตอร์ (t-PA) ซึ่ง พลาสมิโนเจนที่ว่านี้ จะเปลี่ยนรูปเป็น พลาสมิน หรือโปรตีนที่แอ็คทีฟ ซึ่งมีขนาดโมเลกุลที่เล็กลง และสามารถละลายน้ำได้ จึงเป็นการช่วยแก้ปัญหาภาวะเส้นเลือดอุดตันได้ แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาต่อความสมดุลในการทำงานของกระบวนการแข็งตัวของเลือดเมื่อเกิดบาดแผล

ประเทศไทย มีอัตราการเสียชีวิตจากกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดจะติด อันดับ 1 ใน 3 มาโดยตลอด ซึ่งโรคที่สําคัญได้แก่ โรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดสมอง โดยในปี 2545 น้ันมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นจำนวน 32,903 คน และเพิ่มสูงขึ้น เป็นจำนวน 40,092 คน ในปี 2546 นอกจากนี้ยังพบว่า จำนวนผู้ป่วย จากโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เข้ารับบริการในแผนกผู้ป่วยนอกเพิ่มสูงขึ้น 3 เท่า ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับบริการในแผนกผู้ป่วยใน เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 7-17 เท่า เมื่อพิจารณาถึงความพิการในประชากรผู้สูงอายุนั้น จะพบว่า มีสาเหตุมาจากโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต) เป็นอันดับหนึ่ง

จากหลักฐานการศึกษาที่มีอยู่ยืนยันว่า ขนาดของปัญหาที่ขยายใหญ่ขึ้นเป็นลำดับ พบว่า แนวโน้มผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดจะมีอายุน้อยลง สาเหตุเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงในวิธีชีวิตประจำวัน เช่น ค่านิยมในการบริโภคอาหารจานด่วน การรับประทานผัก-ผลไม้ที่ไม่เพียงพอ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น ที่ทำให้มีการเคลื่อนไหวของร่างกายที่น้อยลง

 

DHA (Docosahexaenoic acid)

DHA

 

DHA (Docosahexaenoic acid) คือกรดไขมันชนิดจำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของไขมัน และร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ DHA เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งอยู่ในกลุ่มที่เราเรยกว่า โอเมก้า 3 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แหล่งอาหารที่ให้ DHA ปริมาณที่สูงได้แก่น้ำมันจากทะเลน้ำลึก อาทิเช่น ปลาทูน่า ปลาโอลาย ปลาทู 
การศึกษาในประเทศญี่ปุ่นได้มีงานวิจัยซึ่งแสดงผลอย่างชัดเจนว่าสาร DHA หรือกรด Decosapentaenoic acid ในน้ำมันปลามีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองโดยเฉพาะด้านความจำและการเรียนรู้ ช่วยบำรุงสมองระบบประสาท และระบบไหลเวียนโลหิต ลดอัตราการอุดตันของเส้นโลหิต ช่วยเสริมและบำรุงสมองเสริมความจำให้แม่นยำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้ความคิดในการทำงาน และการเรียน

 

จากการวิจัยพบว่า DHA เป็นส่วนประกอบของสมองและจอประสาทตาที่สำคัญมาก โดย 40% ขอมันในสมองและ 60% ของกรดไขมันในประสาทตาคือ DHA นอกจากนั้น DHA ยังเป็นส่วนประกอบของเยื่อบุเซลกล้ามเนื้อหัวใจอีกด้วย ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า DHA มีความจำเป็นในการพัฒนาการของสมองและระบบประสาทของร่างกายทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่

ประโยชน์ของ DHA

ทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึง 2 ปี เป้นช่วงที่สมองและระบบการทำงานของตาเริ่มพัฒนา ดังนั้นเด็กจึงควรได้รับ DHAมากพอสำหรับการพัฒนาสมองและสายตา

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ และโรคหัวใจ DHA สามารถยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดที่จะทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดสมอง และหัวใจ ทำให้ลดอาการของโรคได้อีก

ผู้ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคจิต ซึ่งผู้ป่วยเกิดอาการหวาดระแวง แยกตัวจากสังคม และผู้ที่อยู่ในภาวะซึมเศร DHA ช่วยให้อาการผู้ป่วยดีขึ้นมาก

เด็กและวัยรุ่น ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการสมองอย่างสมบูรณ์ แก้ไขอาการเด็กมีสมาธิสั้น สร้างเสริมระบบความจำที่ดีและเพิ่มทักษะการเรียนรู้

คนปกติทั่วไป DHA ช่วยบำรุงสมองให้เกิดความคิดอ่านที่โลดแล่น คืนความสดชื่นให้กับสมอง กำจัดความเครียดออกไปได้ด้วย

 

Ginkgo สารสกัดจากใบแปะก๊วย

 

ประโยชน์ของแปะก๊วย

  1. สารสกัดจากใบแปะก๊วย เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ
  2. ช่วยชะลอความแก่ชราและป้องกันโรคมะเร็งได้
  3. ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดีอีกด้วย ทำให้มีก๊าซออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง หัวใจ และอวัยวะต่าง ๆตามร่างกาย
  4. ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคสมองเสื่อมได้
  5. ช่วยในเรื่องของการเพิ่มสมาธิและช่วยเพิ่มความคจำ ความคิดได้ดี
  6. ช่วยให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์มีพัฒนาการรับรู้และเข้าสังคมได้ดีขึ้นด้วย
  7. ช่วยต้านโรคซึมเศร้าอย่างได้ผลสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบทั่วไป
  8. ช่วยลดอาการตะคริวหรือการเจ็บกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ
  9. ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ เสียงดังในหู หรือหูอื้อลงได้
  10. ช่วยบรรเทาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ดี หรือจะเรียกว่าเป็นไวอะกร้าชั้นดีจากธรรมชาติเลยก็ว่าได้
  11. สารสกัดจากใบแปะก๊วย ยังช่วยป้องกันและรักษาโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมได้
  12. สามารถช่วยป้องกันโรคเบาหวานขึ้นตาได้
  13. สำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืด การรับประทานใบแปะก๊วย จะช่วยป้องกันการหดตัวของกล้ามเนื้อหลอดลมได้

 

Coenzyme Q10
เผาผลาญร่างกายช่วยให้ร่างกายอ่อนเยาว์

ประโยชน์ของโคเอนไซม์คิวเทน

    li>โคเอนไซม์คิวเทนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในทุกเซลล์ของสิ่งมีชีวิต มีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างพลังงาน
  1. มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เพราะถ้าหากร่างกายขาด Coenzyme Q10 เซลล์ในร่างจะหยุดทำงานทันที!!
  2. มีบทบาทสำคัญในการช่วยลดริ้วรอย และชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง
  3. Coenzyme Q10 มีคุณสมบัติคล้ายกับวิตามินอี ช่วยเสริมการทำงานของหัวใจ เพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  4. ช่วยรักษาโรคเหงือก ชะลอความผิดปกติและการดำเนินของโรคพาร์กินสันได้
  5. สำหรับผู้สูงอายุหลาย ๆคนแล้วการรับประทานโคคิว10 จะทำให้ร่างกายรู้สึกเหมือนมีพลังขึ้นมาทันที
  6. เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เพราะโคคิว10 จะไปช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอกได้ดีกว่ายาแผนปัจจุบัน
  7. เชื่อว่าสามารถช่วยรักษาและป้องกันโรคมะเร็งได้

 

บำรุงร่างกายด้วยวิตามินขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อร่างกาย

 

Vitamin B 

 

วิตามิน บี เป็นหนึ่งในวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำได้ หรือเรียกว่า Vitamin B Complex แต่วิตามินบี ตัวนี้จะไม่สามารถเก็บไว้ในร่างกายของเราได้ โดยมันจะถูกขับออกทางปัสสาวะ แต่ก่อนมันจะถูกขับออกมันได้สร้างประโยชน์ให้เราอย่างมหาศาล โดยตัว Vitamin B Complex นั้นจะทำหน้าที่เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตในร่างกายให้เป็นน้ำตาลกลูโคสซึ่งร่างกาย สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไปใช้ได้ และช่วยในกระบวนการเมตาโบลิซึมของไขมันและโปรตีน รวมถึงการทำงานของระบบประสาท และกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหาร โดยจะมีวิตามินบี 1, บี 2, บี 3,บี 5, บี 6 และบี 12 บางทีเรียกรวมกันว่า วิตามินบีรวม มีความสำคัญในการเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา หรือทำให้ปฏิกิริยาต่างๆ ในร่างกายดำเนินไปได้

ประโยชน์ของวิตามินบี รวม

– วิตามินบี 1 มีหน้าที่ในการเผาผลาญน้ำตาลที่เรารับประทานเข้าไปให้เกิดเป็นพลังงาน จะช่วยป้องการการเกิดโรคโลหิตจาง และโรคเหน็บชา ถ้าร่างการขาดวิตามินบี 1 จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ชาตามนิ้วมือนิ้วเท้าและเกิดผลเสียต่อกล้ามเนื้อหัวใจจากการคั่งค้างของเสีย
– วิตามินบี 2 มีประโยชน์มากในเด็กที่กำลังเจริญเติบโต ป้องกันการเกิดแผลในปากและโรคปากนกกระจอก ป้องกันการเกิดโรคไมเกรน ช่วยทำให้ ผิวหนัง เล็บ เส้นผมมีสุขภาพ และลดการเกิดมะเร็งหลอดอาหารอีกด้วย
– วิตามินบี 3 มีหน้าที่ในการเผาผลาญอาหาร ทำให้เกิดพลังและการสร้างไขมันในร่างกาย ช่วยทำลายสารพิษจากมลพิษ ควันบุหรี่ รักษาอาการเครียดและช่วยในการไหลเวียนของเลือด
– วิตามินบี 5 มีความจำเป็นต่อการทำงานของสมอง บรรเทาอาการข้ออักเสบ ช่วยในการนอนหลับให้ดีขึ้น และควบคุมสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย
– วิตามินบี 6 จำเป็นต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท และมีหน้าที่สำคัญในการเผาผลาญโปรตีนในรายกาย ช่วยปรับสภาพผิวหนังให้เป็นปกติ
– วิตามินบี 12 มีความจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือด การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และระบบทางเดินอาหาร ป้องกันอาการอ่อนเพลียจากโรคโลหิตจาง

 

Vitamin  C

Vitamin  C วิตามินซี เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถที่จะสร้างขึ้นมาเองได้ ประโยชน์มีดังนี้

  • ใช้ในกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน (Collagen) และ แอลคาร์นิทีน (L-carnitine, สารที่ช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานได้อย่างปกติ)
  • เป็นส่วนร่วมในกระบวนการทำงานของสารสื่อประสาท(Neurotransmitters) ชนิดต่างๆ
  • เป็นส่วนประกอบในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน(Connective tissue) ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการสมานบาดแผล
  • เป็นส่วนร่วมของกระบวนการเปลี่ยนแปลงโปรตีนเพื่อการใช้งานในร่างกาย
  • เป็นสารต้านอนุมูลอิสระของร่างกายรวมถึงมีส่วนร่วมในการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นเช่น วิตามินอี หรือ Tocopherol อีกด้วย
HTC Collagen 
 

เปล่งปลั่งสกัดจากปลาทะเลพร้อมสารสกัดจากผลแอปเปิ้ลลดความเสื่อมของร่างกายที่เสื่อมตามวัย ผิวเนียนชุ่มชื้นจนลืมครีมทาผิวไปเลยค่ะ

มีโครงสร้างโมเลกุลแบบไตรเปปไตด์ จากกรดอะมิโน3 ชนิด ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าคอลลาเจนทั่วไป ลดริ้วรอย ผิวละเอียดเนียนใส

 

Calcium

แคลเซียม ( Calcium ) เป็นแร่ธาตุที่มีมากที่สุดในร่างกาย คือประมาณ 1,250 กรัม ซึ่งร้อยละ 55 จะอยู่ในกระดูกและฟัน โดยจับกันเป็นผลึกอยู่กับฟอสฟอรัส เป็นเกลือ Calcium Phosphates ดังนั้น เวลากล่าวถึง Calcium ในร่างกาย จึงมักนึกถึงเฉพาะกระดูก ทั้งที่จริงแล้วยังมีแคลเซียมอีกส่วนอยู่ในเลือดโดยจับอยู่กับโปรตีนในเลือดและอยู่เป็นแคลเซียมอิสระ

 หน้าที่ของ calcium
          
นอกจากจะเป็นส่วนประกอบของกระดูกแล้ว ยังมีหน้าที่อื่นๆ อีกได้แก่ ช่วยในการแข็งตัวของเลือด เกี่ยวกับการทำงานของกล้ามเนื้อระบบประสาท ทำให้เกิดการหดตัวของเซลล์กล้ามเนื้อทั่วไป รวมทั้งกล้ามเนื้อหัวใจให้เป็นไปตามปกติ นอกจากนั้น calcium ยังเป็นตัวกระตุ้นการทำงานของโปรตีนอื่นๆ เช่น Osteocalcin ซึ่งเป็น corboxylated- glutamic acid ให้จับกับ แคลเซียมของ Hydroxyapatite ช่วยในกระบวนการสร้างและสลายกระดูก เรื่องที่สำคัญอีกอย่าง คือ แคลเซียมจากกระดูกยังทำหน้าที่ในการควบคุมความสมดุลของกรดและด่างในร่างกายด้วย

 

Magnesium

แมกนีเซี่ยม มีความสำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ เป็นแร่ธาตุที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ และส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงน้ำตาลในเลือกให้เป็นพลังงาน

ประโยชน์ของแมกนีเซียม

  1. ช่วยในการเผาผลาญไขมันและเปลี่ยนเป็นพลังงาน
  2. ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล
  3. ช่วยรักษาอาการซึมเศร้าได้
  4. ป้องกันการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
  5. ช่วยทำให้หลอดเลือดและหัวใจแข็งแรง ช่วยป้องกันโรคหัวใจเฉียบพลัน
  6. ช่วยลดความรุนแรงของการเจ็บปวดจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Anginapain)
  7. ช่วยให้สุขภาพฟันแข็งแรง
  8. ช่วยป้องกันการคลอดบุตรก่อนครบกำหนด
  9. ช่วยบรรเทาอาการปวดก่อนมีประจำเดือน (PMS)
  10. ช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยในกระเพาะ
  11. ช่วยป้องกันการสะสมตัวของแคลเซียม นิ่วในไต และนิ้วในถุงน้ำดีได้
  12. เมื่อทำงานร่วมกับแคลเซียม จะทำงานคล้ายยาสงบประสาท บรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน
  13. ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
  14. มีส่วนช่วยในการป้องกันและรักษาโรคหืดหอบ
 

Hyaluronic Acid

 เก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่าปรกติหลายเท่า ผิวจะดูอ่อนเยาว์ เนียนเรียบผิวดูเต่งตึง

 

 

Hyaluronic Acid คือ กรดที่ร่างกายของเราผลิตขึ้นมาเองได้ มีอยู่ทั่วไปตามร่างกาย และโดยเฉพาะบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างอวัยวะและเซลล์ เพื่อเพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสีและเพิ่มความยืดหยุ่น เช่น บริเวณหัวเข่า ถ้าขาดสารตัวนี้ จะมีผลทำให้การเดินจะเจ็บปวดเพราะว่าไม่มีตัวช่วยลดการเสียดสีระหว่างกระดูก ข้อต่อนั่นเอง  ในวงการแพทย์ถูกใช้นำมาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างกว้างขวางทั้งร่างกายและผิวพรรณ

Hyaluronic Acid ถูก ใช้กันมานานกว่า 10 ปี และนิยมใช้ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมมาตลอด เป็นเพราะว่ามันออกฤทธิ์ได้ผลดี ปกติเมื่อคนเราอายุมากขึ้นการผลิตกรดไฮยาลูรอนิกตามธรรมชาติก็จะลดน้อยไป ด้วย ผลที่ตามมาคือผิวสูญเสียความชุ่มชื่น ผิวแห้งขึ้น ขาดความยืดหยุ่น สภาพผิวไม่สดใสเปล่งปลั่ง ดังนั้นการใช้ผลติภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิกจึงเป็นสิ่งที่ คุณผู้หญิงไม่ควรละเลย แค่นี้ก็จะได้ผิวที่สุขภาพดีกลับมา 

นอกจากนี้ ยังมีความสามารถในการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย และเร่งกระบวนการหายของแผล ดูแลริ้วรอย ความไม่สดใสของผิว ใช้เป็นสารออกฤทธิ์ที่สำคัญร่วมกับโคเอ็นไซม์-คิวเทน , วิตามิน , ต้านอนุมูลอิสระ  เพื่อดูแลผิวเพราะมีความอ่อนโยนและปลอดภัยไม่มีผล ข้างเคียงใดๆ ปัจจุบันนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ทาผิวแล้วยังผลิตเพื่อนำมาใช้ฉีดเพื่อแก้ไขจุด บกพร่องบนใบหน้า ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกตอนนี้แล้วว่าปลอดภัย สามารถสลายได้เองตามธรมชาติ

รักษาอาการบาดเจ็บของเซลล์ผิวหนังได้เร็วกว่าเดิม 80% นั่นหมายความว่าผิวสามารถที่จะสมานและฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น  และโดยปรกติการไหลเวียนของเลือดจะเป็นตัวนำของเสียออกจากเซลล์ตามธรรมชาติ แต่สำหรับเซลล์ผิวที่ไม่ได้ติดต่อกับเส้นเลือดโดยตรง กรดไฮยาลูรอนิคจะช่วยเพิ่มการนำสารอาหารเข้าสู่เซลล์ผิวในส่วนนั้น  และยังช่วยกำจัดของเสียออกจากเซลล์เหล่านั้น   

ลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวอิ่มเอิบมีน้ำมีนวลสดใส กรดตัวนี้จะถูกผลิตขึ้นและถูกหล่อเลี้ยงจากบริเวณผิวหนังชั้น dermis (ผิวชั้นล่าง) และกระจายไปถึงผิวหนังชั้น epidermis (ผิวหนังชั้นบน) บทบาทสำคัญก็คือ มันจะช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่าปรกติหลายเท่า โดยที่เมื่อผิวมีความชุ่มชื่นที่ดีเพียงพอ ผิวหน้าก็จะดูอ่อนเยาว์ ดูเนียนเรียบผิวดูเต่งตึงขึ้น (plump effect)  ริ้วรอยลดลง มีความยืดหยุ่น นุ่มนวล และดูมีชีวิตชีวา  นอกเหนือจากคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดีแล้ว มันยังช่วยลดการสร้างอนุมูลอิสระและช่วยกรองรังสี UV ได้อีก ดังนั้นจะเห็นได้ว่า โดยลำพังแล้วกรดไฮยาลูโรนิกจัดได้ว่า เป็นสารที่ช่วยชะลอความแก่ที่มีประสิทธิภาพดีตัวหนึ่ง จึงมีราคาค่อนข้างแพงพอควร

จัดเป็น Moisturizer ที่ดี ไม่เพิ่มความมันแบบที่ไม่ดีกับผิวบนผิวชั้นนอก(sebum) ดังนั้นคนที่มีผิวมันจึงใช้ได้อย่างไม่ต้องกังวล รวมทั้งคนที่เป็นและผิวบอบบาง จึงจัดว่าเป็นมอยเจอไรเซอร์ที่คนรักผิวต้องใช้ แสงแดดเป็นตัวทำลาย hyaluronic acid ในผิว ส่งผลให้ผิวไม่สดใส เกิดริ้วรอย ผิวแห้งเป็นขุย(แม้ผิวในก็พบได้) ปัญหาดังกล่าวพบได้ง่ายในสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน ยิ่งอายุ 25 ปีขึ้นไปก็จะพบปัญหานี้ได้มากและง่าย ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องรีบดูแล ในส่วนของคนที่ยังไม่เกิดก็ต้องดูแลและป้องกัน

ฟื้นฟูผิวแพ้ง่าย ผิวแพ้ง่ายคือ ผิวที่มีภูมิต้านทางผิวต่ำ ผิวขาดสมดุล ไม่แข็งแรงก็เนื่องจากน้ำในผิวมีไม่เพียงพอ คนผิวมันหลายคนเป็นผิวขาดน้ำโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว บางคนใช้อะไรก็แพ้ง่าย น้ำกับน้ำมันในผิวเป็นคนละส่วนกัน คนผิวมันมักมองข้ามทำให้ละเลยการดูแล ส่วนผู้ที่มีผิวแห้งหลายต่อหลายคนก็เข้าใจว่าเป็นคนผิวแห้ง แท้จริงผิวคุณอาจเป็นผิวธรรมดาแต่มีน้ำในผิวน้อยเท่านั้น การมอบน้ำให้ผิวทุกวันทำให้ผิวดูสดชื่น เปล่งปลั่ง ผิวแข็งแรงขึ้น ทั้งยังลดการระคายเคืองจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไปรวมทั้งเครื่องสำอาง ที่มีทั้งน้ำหอม และสารกันเสีย  ตลอดจนหลังการทำทรีทเม้นต์

สำหรับผิวขาดน้ำ ผิวขาดน้ำเกิดขึ้นได้กับผิวทุกประเภทไม่เว้นแม้กระทั่งผิวมัน หลายคนผิวข้างนอกมันเยิ้มแต่เนื้อในกลับแห้ง ผิวประเภทนี้มักแพ้ง่ายอีกด้วย  การให้น้ำกับผิวเป็นวิธีพื้นฐานที่ฟื้นฟูผิว และดีสำหรับคนที่ผิวมัน ผิวแพ้ง่ายเพราะไม่เพิ่มความมันบนใบหน้า และฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรงมีภูมิต้านทานขึ้น การให้น้ำกับผิวหรือสภาพผิวที่มีน้ำในผิวสมดุลจะเปล่งปลั่งสดใสมีชีวิตชีวา นุ่มเนียน ผิวแข็งแรงขึ้น  อีกทั้งส่งผลให้การแต่งหน้าเรียบเนียนติดทนขึ้นด้วย นอกจากประโยชน์ที่ทำให้ถูกใช้อย่างแพร่หลายแล้ว ความอ่อนโยนของสารตัวนี้ยังสามารถใช้ได้กับผิวทุกประเภท   เหตุนี้เองมันจึงเป็นสารที่ใช้ปลอบประโลมผิวที่ปลอดภัยซึ่งจัดอยู่ในอันดับต้นๆ 

วิธีรับประทาน

ให้ทานหลังอาหารวันละ 1-2 ซองกับน้ำอุ่นเป็นประจำทุกวันเพื่ออายุที่ยืนยาวและสุขภาพที่แข็งแรงค่ะ

บรรจุ 30 ซอง 

เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขามหาวิทยาลัยรังสิต ออมทรัพย์
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขามหาวิทยาลัยรังสิต ออมทรัพย์
บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ออมทรัพย์
พูดคุย-สอบถาม